ผลการประเมินหมวดการทุจริตคอร์รัปชันในปี พ.ศ. 2567 พบว่า ภาพรวมคะแนนในหมวดนี้เพิ่มขึ้นจาก 4.79 คะแนนในปี พ.ศ.2566 เป็น 4.97 คะแนน ในปี พ.ศ. 2567 (เพิ่มขึ้น 0.18 คะแนน) โดยธนาคารทุกแห่งได้รับคะแนนจากการประกาศไม่รับสินบน (ข้อ 1) มีนโยบายการต่อต้านการฟอกเงิน (ข้อ 2) ป้องกันการสนับสนุนทางการเงินกับกลุ่มก่อการร้าย (ข้อ 3) มีการเปิดเผยผู้ได้รับผลประโยชน์ที่แท้จริง (ข้อ 4) และมีมาตรฐานเพิ่มเติม เมื่อทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องทางการเมือง (ข้อ 5) ซึ่งการประกาศนโยบายเหล่านี้ เป็นการปฏิบัติตาม พ.ร.บ. ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 มาตรการป้องกันปราบปรามการฟอกเงิน และการต่อต้านการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย และประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เรื่อง หลักเกณฑ์การรับฝากเงินหรือการรับเงินจากประชาชน (Guideline on Acceptance of Deposits or Money from Customers)
สำหรับธนาคารที่ได้รับคะแนนเพิ่มขึ้นในหมวดการทุจริตคอร์รัปชันมีทั้งหมด 2 ธนาคาร ได้แก่ ธนาคารออมสิน จากการมีนโยบายการไม่สนับสนุนกิจกรรมล็อบบี้หรือล็อบบบี้ยิสต์ (Lobbyist) (ข้อ 6) และการมีนโยบายการไม่สนับสนุนหรืออุดหนุนนักการเมือง (ข้อ 7) และธนาคารกรุงไทย จากการเข้าร่วมเป็นสมาชิกข้อตกลงโลกแห่งสหประชาชาติ (United Nations Global Compact: UNGC) ที่กำหนดให้ธนาคารจะต้องดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบตลอดทั้งห่วงโซ่อุปทานที่สอดคล้องกับหลักการสากล 10 ประการ ในด้านสิทธิมนุษยชน แรงงาน สิ่งแวดล้อม และการต่อต้านทุจริตทุกรูปแบบ รวมถึงการรีดไถ และการให้สินบน (ข้อ 9)
นอกจากนี้ ธนาคารกสิกรไทยเป็นธนาคารเพียงแห่งเดียวที่ได้รับคะแนนจากการมีรายการสินเชื่อที่ธนาคารไม่ประสงค์ให้กู้หรือให้การสนับสนุนทางการเงิน (Exclusion List) ในธุรกิจที่มีเหตุอันเชื่อได้ว่ามีกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง ที่มีการเรียกร้องสินบน และการใช้อำนาจในทางที่ไม่เหมาะสม เพื่อให้มาซึ่งธุรกิจและข้อได้เปรียบที่ไม่เป็นธรรม (ข้อ 12)